มันฟุ้งเฟ้อไปด้วยโลกแห่งเวทมนตร์ มีทั้งฝ่ายดี-ฝ่ายร้าย กวาดต้อนยำรวมโลกแห่งเทพนิยาย กลายออกมาเป็นการก่อตั้งสถาบันอันน่าเหลือเชื่อ ที่ใครชอบดูหนังแนว ๆ แฟนตาซีตระการตาเหนือคำบรรยายจะต้องชอบ "The School for Good and Evil โรงเรียนแห่งความดีและความชั่ว" เรื่องนี้แน่ ๆ เพราะนี่คือการต่อเติมจินตนาการของใครบางคน การต่อสู้ที่เหมือนจะไม่ยิ่งใหญ่ แต่ทรงพลังอยู่ไม่เบาเลย
The School for Good and Evil เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านกาวาลดอน สองเพื่อนซี้ที่มีบุคลิกสุดแปลกแยกอย่าง โซฟี และ อกาธา มีมิตรภาพแนบแน่นในแบบที่ไม่น่าเป็นไปได้ โซฟี ช่างเย็บผ้าผมทอง วาดฝันที่จะหนีจากชีวิตที่น่าเบื่อเพื่อไปเป็นเจ้าหญิง ส่วนอกาธาซึ่งเป็นคนมีบุคลิกสวยประหารแถมยังมีแม่ที่ไม่ธรรมดาอาจเติบโตจนกลายมาเป็นแม่มดตัวจริงได้
ในค่ำคืนหนึ่งที่พระจันทร์เป็นสีเลือด กองกำลังอันทรงพลังได้กวาดต้อนพวกเธอไปยังโรงเรียนแห่งความดีและความชั่ว ซึ่งเรื่องราวที่แท้จริงของเทพนิยายสุดยิ่งใหญ่ทุกเรื่องเริ่มต้นที่นี่ แต่มีบางอย่างผิดปกติตั้งแต่เริ่มต้นเลย นั่นก็คือการที่โซฟีถูกพาไปเข้าโรงเรียนแห่งความชั่วที่มี เลดี้เลสโซ ผู้เปี่ยมเสน่ห์และช่างประชดประชันเป็นผู้ดูแล ส่วนอกาธาได้เข้าไปอยู่ในโรงเรียนแห่งความดี ซึ่งมีศาสตราจารย์โดวีย์ ผู้ใจดีและสดใสดูแล การต้องมาร่วมชั้นเรียนกับลูกหลานของแม่มดร้าย, กัปตันฮุก หรือ ลูกชายผู้ห้าวหาญของกษัตริย์อาเธอร์ ก็ว่ายากแล้ว
แต่จากคำบอกเล่าของอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน มีเพียงการได้ประทับจูบจากรักแท้เท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์และส่งเด็กนักเรียนหญิงแต่ละคนไปยังโรงเรียนที่ถูกต้องตรงตามโชคชะตาของแต่ละคนได้ แต่เมื่อบุคคลผู้มืดมิดและอันตราย ซึ่งมีความผูกพันลึกลับบางอย่างกับโซฟีปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและขู่ว่าจะทำลายโรงเรียนและโลกทั้งใบให้หมด ทางเดียวที่ทุกอย่างจะจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้งก็คือการเอาชีวิตจริงในเทพนิยายนี้ให้รอดก่อน
หนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือชุดเรื่องดังของ "โซแมน ไชนานี" ที่เรื่องนี้เป็นเพียงเล่มแรกเท่านั้น แต่ถือว่าเป็นการออกสตาร์ทที่น่าพอใจ และดูเหมือนว่าจะมีศักยภาพเพียงพอที่จะกลายเป็นหนังแฟนตาซีชุดใหม่ประดับวงการหนัง แม้ว่าหนังอาจจะยังห่างไกลความเป็น Harry Potter หรือ The Lord of the Rings ค่อนข้างมากก็ตาม แต่หนังก็มีความเป็นตัวของตัวเองน่าค้นหาในตัวเอง